อีสานจะไม่สิ้นมนต์ขลัง หากทุกคนรวมพลังสืบสานประเพณีไว้
เห็ดปลวกหรือเเห็ดโคน
เห็ดปลวกหรือเเห็ดโคน ไม่ได้ตั้งคำถามแต่อย่างไร แต่ว่าเห็ดปลวกคือชื่อที่ชาวอีสานใช้เรียกเห็ดโคน อิอิ เห็ดโคน (ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Termitomyces fuliginosus Heim) เป็น เห็ดชนิดหนึ่งที่อยู่ในวงศ์ Termitophilae เป็นเห็ดป่าเติบโตได้ดีในสภาพธรรมชาติ ความชื้นและอุณหภูมิที่พอเหมาะ มีรูปร่างเหมือนเห็ดทั่วไปคือมีก้านเห็ดและหมวกเห็ด ดอกใหญ่ โคนอวบหนา มีกลิ่นเฉพาะตัว มักเกิดตามจอมปลวก จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เห็ดปลวก มีการอพยพของปลวกที่เราเรียกว่า แมลงเม่า ออกจากรังปลวกเดิม เพื่อสร้างรังใหม่ การที่ฝนตกชุกจนมีความชุ่มชื้นเหมาะสม เมื่อปลวกในรังปลวกมีปริมาณลดลง ตุ่มดอกเห็ดเล็กๆ สามารถมีโอกาสที่จะเจริญเติบโตเป็นดอกเห็ดที่มีความชุ่มชื้นออกมาได้ สามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายชนิด ประกอบกับการที่เห็ดโคนเองมีรสชาติที่น่ารับประทาน จึงจัดเป็นเห็ดหายากจะต้องหาตามป่าเขาห่างไกลความเจริญ ซึ่งเห็ดโคนนั้นมีรสหวานอร่อยกว่าเห็ดอื่นๆ ปรุงง่ายเพียงต้มกับเกลือก็ได้น้ำต้มเห็ดรสหวานตามธรรมชาติ นอกจากนำไปต้มกับน้ำเกลือแล้วเราอาจนำเห็ดโคนไปประกอบอาหารที่หลากหลายได้ นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณช่วยเจริญอาหาร บำรุงกำลัง แก้บิด แก้คลื่นไส้ อาเจียน แก้ไอ ละลายเสมหะ การทดลองทางเภสัชศาสตร์พบ ว่าน้ำที่สกัดจากเห็ดโคนสามารถยับยั้งเชื้อโรคบางชนิด เช่น เชื้อไทฟอยด์ได้ จึงเป็นที่นิยมกันมาก ซึ่งมีวางขายเฉพาะในฤดูฝนเท่านั้น ประมาณเดือนกันยายนถึงตุลาคมและจะมีให้รับประทานเพียงปีละ 1 ครั้ง พบมากในแถบจังหวัดกาญจนบุรี นครราชสีมา ราชบุรี และเพชรบุรี เมื่อพื้นที่ป่าค่อยๆ หมดไป เห็ดโคนจึงหายากและมีราคาแพง
เรียนภาษาลาว
เรียนภาษาลาว
พยัญชนะลาว บางตัวที่บอกว่า พยัญชนะลาว มี 26 ตัว บวกกับอีก 1 ตัวนั้นคือ ในภาษาลาวจะไม่มี เสียงผันลิ้น เป็นตัว ร.อย่าง รถ ก็จะเขียน(และอ่าน) ว่า ลด บางคำที่คำไทยเขียน ร.เรือเช่น เรือน เรือ เขาก็จะใช้ ตัว ฮ.เฮือน (ตัวที่ 26 ที่อักษรเหมือน ร.เรือ) อ่านเป็น เฮือน หรือ เฮือ ไปเลย เมื่อก่อนนี้ ภาษาลาวก็มีตัวพยัญชนะ ร. ไว้เหมือนกัน แต่จุดประสงค์ใหญ่ก็เอาไว้แทนตัว R ในภาษาอังกฤษ หรือ เอาไว้ใช้สะกดชื่อคนไทย - ภาษาไทยเป็นหลัก เท่าที่ทราบภาษาลาวมีใช้ตัว ร.แค่คำว่า ราชา ราชินี เท่านั้น
ต่อมา เมื่อกองทัพลาวปลดแอกเข้ายึดลาว เปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบสังคมนิยมได้สั่งเลิกใช้ตัวพยัญชนะ ร. อย่างเด็ดขาด จะด้วยเหตุผลว่าไม่มีคำลาวที่สะกดอย่างนี้หรือ มันไปรับใช้พวกจักรวรรดินิยม ฝรั่ง ไทย อะไรหรือเปล่า ก็ไม่รู้เหมือนกัน กระทั่ง ปี 1997 ได้มีการปฏิรูปภาษาลาวครั้งใหญ่โดยให้นำตัว ร. กลับมาใช้ใหม่และได้สะสางเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ สระ ให้มีมาตรฐานคล้าย ๆ ภาษาไทย คือแต่ก่อนนี้สระลาวเต็มไปด้วยสระลดรูป สระเปลี่ยนรูป ไปตามพยัญชนะที่สะกดแบบเฉพาะคำเยอะมาก ก็ปรับเปลี่ยนมาให้ใช้แบบของไทย ตัวอย่าง เช่น เมื่อก่อน สระเอีย เช่นคำว่า เวียง จะเขียนเป็น ว. + สระลดรูป (ตัวคล้าย ๆ ร.เรือ แต่หางยาว) + ง.(แต่ก็ยังเขียนกันทั้ง 2 แบบอยู่) มีเสียงนินทา เหมือนกันว่า เปลี่ยนวิธีการใช้สระเพื่อให้คนไทยอ่านเข้าใจง่ายขึ้น มีพยัญชนะลาวอีกตัวหนึ่งที่เป็นตัว ย. เหมือนกันเพียงแต่มีหางไม่เท่ากัน
ตัวแรกคือ ตัว ย.ยุง
อัน นี้ เสียงจะออกเป็น ย.แบบเดียวกับภาษาอีสาน ซึ่งครูภาษาไทย(บางคน)ที่ชอบอ้างว่า ภาษาไทย ออกเสียงได้ครบ ครอบคลุมหมดทุกเสียง จะไม่มีทางออกเสียง ย.ตัวนี้ได้เลย (ยกเว้นเป็นคนอีสาน)
อีกตัวคือ ย.ยาหรือบางทีก็เรียกกันว่า ย.หางยาว ย. ตัวนี้ ออกเสียงแบบเดียวกับ ย.ยักษ์ ของไทย ใช้เฉพาะกับคำที่เขียนว่า ยา และ ยาง เท่านั้นครับ ตัว ย.หางยาว นี้ นอกจากใช้เขียนคำว่า ยา และ ยาง แล้วยังเอาไว้ใช้ กับตัว อ.นำ ย. เช่น อย่า อยู่ อย่าง อยาก หรือ ห. นำ ย. เช่น หยาด หยาม ดังเช่นคำที่ยกมาในรูปก็คือคำว่า อยู่ กับ หยาด นั่นเอง
สุดท้าย คือ สระลาว ครับ
ผมไม่ได้เอามาครบ เพราะก็เขียนแบบเดียวกับสระไทย นะแหละ
ยกเอามาให้ดู เฉพาะตัวที่อาจไม่เข้าใจ ว่าคือ สระอะไรเท่านั้น ในภาษาลาว มีสระปราบเซียน อยู่ตัวหนึ่งที่ทำให้คนไทยเราเป็นงงมากรูปร่างคล้าย ๆ ไม้หันอากาศกลับหัว บางทีก็มองคล้าย ๆ สระ อิ ไทย จริง ๆ เจ้าตัวนี้ เป็น สระโอะ ลดรูป ยกตัวอย่างคำที่กำกับสระโอะ ในภาษาไทย จะลดรูปสระ ออกไปเลย เช่น คน ดง นม ลด ฯลฯ แต่ภาษาลาว จะลดรูปสระโอะ ลงมาแล้วใช้เจ้าตัวนี้กำกับแทนครับเช่นตัวอย่างที่ผมอ้างไว้ในรูปคำที่เขียน อ่านเป็นคำไทย เหมือนจะอ่านว่า "ถิม" นั้นจริง ๆ คือ คำว่า คน ครับ(ค. + สระโอะลดรูป + น.)
กะปูตาม
แหย่กะปูตาม
ปูตามจากเน็ต
นี่คือปูน้ำจืด บ้ามผมเอิ้นปูตาม บางบ้านเอิ้นปูหิน โตใหญ่ๆอาจสิส่ำกำปั้นพุ้นเด้อ อาศัยอยู่นำห้วยอยู่นำก้อนหิน โขดหิน หรือนำขอนไม้กะมีคือกัน แต่ก่อนนี้อยู่ไห่ผมหลายๆหาได้ง่ายๆล่ว่าสิเป็นหาไง้เอานำก้อนหินในห้วย หรือว่าสิแหย่เอา กะบ่มีหยังหลายเอาปลาแดกมัดใส่ไม้แน่นๆ แล้วกะแหย่ไปในฮูในหลืบหิน ถ่ามีปูมันกะสิหนีบกั๊บ อิอิ กะค่อยๆดึงออกมา โตใหญ่ๆมันกะดึงแฮงคือกันเด้อล่ะมันกะบ่ยอมปล่อยง่ายๆคือกัน
พอค่อยๆดึงมันออกมาแล้วกะคุบเอาเด้อ ระวังมันหนีบมีล่ะ แต่ว่ายามหัวลมสิเบิดฝนสิเข้าหน้าหนาวมันสิไปไสของมันกะบ่ฮู้ เคยหย่างเก็บเอาๆ มันหย่างล่องน้ำนำห้วยแหม ได้มาแล้วกะป่นเด้อ หรือสิลาบกะแล้วแต่
แซบคือกัน กะดองกะจี่ไปเด้อแล้วเอาข้าวจ้ำ เทิงมันเทิงหอม คิดฮอดบ้านเด้ แค่นี้ก่อนเด้อครับ
ลายแรกกับการเล่นพิณ
ลายลมพัดพร้าว
จากความสนใจเป็นพิเศษทำให้ควักตังค์ซื้อพิณมาครอบครองไว้ แล้วจะเริ่มหัดเล่นยังไงล่ะตั้งสายก็ยังไม่เป็นและไม่รู้จะเริ่มตรงไหนด้วย ถามอากู คำตอบยอดฮิตเมื่อคิดอะไรไม่ออกอากูเกิ้ลช่วยได้เสมอ ก็ได้รู้การตั้งที่นิยมกันคือสายหนึ่งเสียงมี สายสองเสียงลา สายสามเสียงมีต่ำ ปัญหาเกิดอีกแล้วครับแล้วเสียงมีนี่มันดังยังไง?
ต้องวิ่งไปยืมเครื่องเทียบสายกีตาร์เพื่อนมาใช้เทียบเสียง หุหุหุ ขอยืมใช้ก่อนสักเดือน เอาล่ะทีนี้มาถึงการฝึกบ้างแล้วฝึกจับปิ๊ก ดีดสาย ฝึกแบบลูกทุ่งไม่มีครูไม่มีอาจารย์ หาฟังหาโน้ตจากเน็ตจนได้โน้ตลายแรกที่ฝึก คือ ลมพัดพร้าว จากที่เคยได้ยินแต่ชื่อจนติดหูวันนี้ได้มีโอกาศได้ฟังและได้หัดเล่นแล้วครับ งั้นมาหัดเล่นไปพร้อมๆกันเลยครับ
วันนี้พิมพ์โน้ตเป็นภาษาอังกฤษ ยังไงลายต่อไปจะพิมพ์ภาษาไทยละกันครับ
C DCDE
(EAG GAE EAG GBA
ADB BDA ABA BABG
GAG AGAC ACDG DEGE
DBDA BGAC ACDG DEGE
AAE AAE AGE AGE
*EGE DEGE AEGC DEGE
*EGE DEGE AEGC DEGE
AC AD
*C AECD EGCA GEGD
*C AECD EGCA GEGD )
C ACDE
ท่อนจบ
(AE DG DE AC AE GD EA DCA)
1 ความคิดเห็น: