อีสานจะไม่สิ้นมนต์ขลัง หากทุกคนรวมพลังสืบสานประเพณีไว้

ผีตาแฮก

ผีตาแฮก
เวลาเด็กๆพาวัวควายไปเลี้ยง หรือไปหาล่าสัตว์ ยิงกิ้งก่า เป็นต้น สิ่งหนึ่งที่เด็กๆกลัวคือ ปี๊บเก่าๆ ขึ้นสนิมใบหนึ่ง แต่กระนั้นก็ตาม เด็กบางคนก็เล่นพิเรนทร์ เอาหนังสะติ๊กไปยิงปี๊บใบนั้นเล่น ก็มี
ปี๊บใบที่กำลังพูดถึงอยู่นี้ มักจะพบเห็นตามหัวไร่ปลายนา โดยเฉพาะที่ซึ่งเป็นที่ดอน เช่นจอมปลวก หรือใต้ต้นไม้ เป็นต้น เราลองมาค้นหาดูว่า ปี๊บ ใบนี้ มีที่ไปที่มาอย่างไร
ความจริงปี๊บใบนี้ มิใช่ชาวนาชาวไร่ จะเอามาวางทิ้งไว้เฉยๆ แบบไร้ความหมายหรอกครับ เขาทำไว้เพื่อเป็นที่อยู่ของผีผู้ดูแลไร่นา นั่นเอง โดย นิยมเจาะรูปี๊บบน-ล่าง แล้วใช้ไม้เสียบร้อยผ่านเข้าไป ทำเป็นขาตั้ง แล้วจากนั้น ก็เอาไม้นั้นไปปักเสียบไว้ ณ ที่ที่ต้องการ แล้วก็กล่าวอัญเชิญผีผู้ดูแลไร่นา มาสิงสถิตอยู่
และความจริง ก็ไม่ใช่แค่ปี๊บ เท่านั้นหรอกครับ บางคนอาจจะสร้างเป็นเรือนไม้หลังเล็กๆ มุงสังกะสี ก็มี อันนี้แล้วแต่ใครจะสร้างจะทำ แต่ที่มักพบเห็นเป็นปี๊บ ก็อาจเนื่องจากว่า ปี๊บ หาได้ไม่ยากนัก และทนแดด ทนฝน กว่าจะผุพัง ก็ใช้เวลานานพอสมควร
ก็เพราะเชื่อกันว่า เป็นที่อยู่ของผี นี่แหละ เด็ก ถึงได้กลัว


ผีผู้ดูแลไร่นา ชาวอีสาน นิยมเรียกว่า ผีตาแฮก

ผีตาแฮก คือผีที่เชื่อกันว่า จะช่วยคุ้มครอง ดูแล รักษาไร่นา ให้ข้าวกล้าเจริญงอกงาม

ผีตาแฮก มีความเป็นมา ดังนี้ (เรื่องย่อ จากอรรถกถาธรรมบท)

อตีเต กาเล ในอดีตกาลที่ผ่านมา เมื่อครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม ยังไม่ทรงอุบัติขึ้น มีสองสามีภรรยาคู่หนึ่ง อยู่กินกันมานานพอสมควร ก็ไม่มีวี่แววว่าจะตั้งครรภ์ นางผู้ภรรยา เกรงว่า ตระกูลสามี จะไม่มีคนสืบสกุล จึงไปแสวงหาหญิงสาวมาหนึ่งคน เพื่อให้เป็นภรรยาคนที่สองของสามี หวังว่า ภรรยาน้อยจะตั้งครรภ์ให้สามีได้สมหวัง

ต่อมาไม่นาน ภรรยาน้อย ก็ตั้งครรภ์ขึ้นมาจริงๆ ฝ่ายภรรยาหลวง เกรงว่าสามีจะหลงใหลเมียน้อยคนเดียวและสุดท้ายมอบมรดกให้ลูกเมียน้อยคนเดียว ด้วยความริษยา จึงได้วางยาพิษทำลายครรภ์ของเมียน้อย เมียน้อยก็แท้งลูก

เมียน้อยตั้งครรภ์ทีไร เมียหลวงก็ทำเหมือนเดิม จนครั้งสุดท้าย เมียน้อยรู้สึกไม่ชอบมาพากล แต่ถึงแม้จะจับได้ว่าลูกตนที่แท้งทุกครั้งนั้น เป็นเพราะเมียหลวงหวังร้ายต้มยาให้กิน ก็ตาม ครั้งนี้ เพื่อปิดปากไม่ให้เมียน้อยบอกสามี เมียหลวง ได้ลงมือฆ่าเมียน้อยเสียด้วย

เมียน้อย ก่อนขาดใจตาย ได้ตั้งจิตอาฆาตไว้อย่างแรงกล้าว่า “เกิดชาติไหนๆ ขอให้ได้ฆ่าลูกและตัวของนังเมียหลวงนี้”

ชาติต่อมา เมียน้อยเกิดเป็นแมว เมียหลวงเกิดเป็นไก่ เมื่อไก่ออกไข่ แมวก็มากินไข่ไก่ และสุดท้าย ก็ได้กินแม่ไก่ด้วย

แม่ไก่ ก่อนขาดใจตาย ก็ตั้งจิตอาฆาตไว้ว่า “เกิดชาติไหนๆ ขอให้ได้ฆ่าลูกและตัวของแมวนี้”

ชาติต่อมา แม่ไก่เกิดเป็นเสือ แมวเกิดเป็นเนื้อ เสือก็มาจับลูกของเนื้อกิน และสุดท้ายก็กินแม่เนื้อด้วย

ผูกเวรจองเวรกันไปกันมาแบบนี้ ไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ ชาติสุดท้ายที่ระงับเวรได้นั้น เกิดเมื่อครั้งพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันนี้ยังทรงพระชนม์อยู่ โดยคนหนึ่งเกิดเป็นนางยักษ์ อีกคนหนึ่งเกิดเป็นมนุษย์

เมื่อนางมนุษย์ตั้งครรภ์ นางยักษ์ก็แปลงร่างเป็นคน มาขออุ้มลูก และพาลูกหนีไป จับกินเป็นอาหาร หลายต่อหลายครั้ง ครั้งต่อมา เมื่อนางตั้งครรภ์อีก จึงชวนสามีกลับบ้านแม่เพื่อคลอดลูกที่บ้านแม่ แต่นางก็คลอดลูกก่อน ในระหว่างทางนั่นเอง เมื่อคลอดลูกแล้ว จึงเดินทางกลับบ้านสามี

ระหว่างทางกลับ ขณะที่สามีลงไปอาบน้ำในสระน้ำใกล้วัดเชตวัน นางยักษ์ก็มาถึงตรงนั้นพอดี นางมนุษย์เมื่อเห็นยักษ์มา ก็จำได้ จึงรีบอุ้มลูกวิ่งหนี นางยักษ์ก็วิ่งไล่ จนไปถึงวัดเชตวัน นางมนุษย์ก็อุ้มลูกน้อยเข้าไปในวัด วิ่งไปหาพระพุทธเจ้า ซึ่งกำลังแสดงพระธรรมเทศนาอยู่ และวางลูกไว้ตรงหน้าพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้า ได้ตรัสห้ามนางยักษ์ให้หยุด และแสดงธรรมเจาะจงนางทั้งสอง มีใจความว่า “เวรย่อมไม่ระงับด้วยการจองเวร แต่เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร”

นางยักษ์ พอได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า ก็เกิดความละอายใจ ละอายต่อบาป และสมาทานศีล๕ ไม่ฆ่าสัตว์กินเป็นอาหารอีกนับแต่นั้นเป็นต้นมา และนางยักษ์กับนางมนุษย์ ก็ได้เป็นสหายของกันและกัน

เมื่อนางยักษ์ถือศีล๕ หาอาหารได้ยาก นางมนุษย์ จึงได้สร้างที่พำนักให้นางยักษ์ ซึ่งที่ที่นางยักษ์ถูกใจที่สุด เป็นที่นอกหมู่บ้าน อยู่หัวไร่ปลายนานั่นเอง เพราะเงียบดี และนางมนุษย์ก็นำอาหารมาเลี้ยงดูนางยักษ์อยู่มิได้ขาด

นางยักษ์ มีความสามารถพิเศษ คือล่วงรู้เกี่ยวกับฝนฟ้าอากาศ รู้ว่าปีนี้ ฝนจะมากหรือจะน้อย และก็ไปบอกให้เพื่อนมนุษย์ได้รู้

ปีไหนทราบว่า น้ำจะมาก นางก็ทำนาในที่ดอน ปีไหนน้ำจะน้อย นางก็ทำนาในที่ลุ่ม ทำให้ข้าวของนางไม่เสียหายเพราะฝนแล้งหรือน้ำท่วมเลย ข้าวกล้างอกงามอุดมสมบูรณ์ทุกปี

ชาวบ้านพากันสงสัยมาสอบถาม ก็ได้ความว่า เพราะมีนางยักษ์มาบอก และหากจะให้นางยักษ์บอกด้วย ก็ขอให้พากันนำอาหารไปเลี้ยงดูนางยักษ์

ชาวบ้านต่างพากัน เอาอาหารไปเลี้ยงดูนางยักษ์ และสร้างที่อยู่ให้นางยักษ์ในพื้นที่นาของตนๆ นางยักษ์ก็แวะเวียนไปกินอาหาร และบอกชาวบ้านเรื่องฝนฟ้าอากาศ

ตั้งแต่นั้นมา ชาวบ้านที่นั่น ก็ทำนาได้ผลดีกันทุกครัวเรือน

ในช่วงต้นฤดูฝน หรือประมาณเดือนมิถุนายน เมื่อฝนเริ่มตกลงมาให้พื้นดินชุ่มฉ่ำน้ำเริ่มขัง ก็จะเข้าสู่ฤดูกาลทำนา ก่อนจะทำนาในแต่ละปี ชาวนาจะต้องทำพิธีไหว้สักการะและเลี้ยงผีตาแฮก ก่อน โดยนำอาหารคาวหวาน ตามแต่จะหาได้ เช่น ปั้นข้าวเหนียว ปลาร้า ปิ้งปลา เป็นต้น พร้อมทั้งหมากพลู ยาสูบ มาเป็นเครื่องเซ่นไหว้ และอธิษฐานขอให้ทำนาได้ผลดี ข้าวกล้างอกงามอุดมสมบูรณ์

การแฮกนา นิยมเลือกเอาวันที่เป็นอธิบดีแก่ข้าวกล้า ซึ่งแต่ละปี ผู้เฒ่าผู้แก่ประจำหมู่บ้านจะเปิดตำราพรหมชาติบอกแจ้งแก่ชาวบ้านไว้ ว่าปีนี้ แฮกนาได้ในวันใดบ้าง โดยมากนิยมเลือกเอาวันพฤหัสบดี เป็นวันแฮกนา ซึ่งการแฮกนา จะเริ่มด้วยการเซ่นไหว้ผีตาแฮกก่อน จากนั้น ก็จะเลือกนาแปลงใดแปลงหนึ่ง แล้วทำพิธีแฮกนา การไถแฮกนา มักไถเป็นวงกลม และสังเกตดูก้อนขี้ไถว่าเป็นลักษณะใด บางคนทำนายเก่ง ดูก้อนขี้ไถแล้ว สามารถทำนายได้ว่า ปีนี้ ฝนจะน้อยหรือมาก

เมื่อจะเริ่มดำนา ก็จะปักดำที่แปลงนาตาแฮกก่อน.... นาตาแฮก จะอยู่ในแปลงนาธรรมดาทั่วไป กว้างประมาณ 1 ตารางวา ปักล้อมไว้ด้วยเสา 6 ต้น และเพื่อป้องกันอันตรายจากสัตว์ อาจหาหนามมาวางล้อมไว้ด้วยก็มี ในนาตาแฮกจะปลูกข้าวไว้ 8 ต้น ซึ่งข้าว 8 ต้นนี้ เหมือนเป็นข้าวเสี่ยงทาย เป็นตัวแทนของข้าวในนาแปลงอื่นๆ ทั้งหมดของตน

การปักดำข้าว 8 ต้นนี้ ผู้ปักดำ จะกล่าวมนต์คาถากำกับแต่ละต้นด้วย ดังนี้

(ต้นที่1) ปักกกนี้ พุทธะฮักษา
(ต้นที่2) ปักกกนี้ ธรรมะฮักษา
(ต้นที่3) ปักกกนี้ สังฆะฮักษา
(ต้นที่4) ปักกกนี้ เพิ่นเสีย กูได้
(ต้นที่5) ปักกกนี้ เพิ่นไห้ กูมี
(ต้นที่6) ปักกกนี้ ให้ได้หมื่น มาเญีย
(ต้นที่7) ปักกกนี้ ให้ได้หมื่นเญีย พันเล้า
(ต้นที่8) ปักกกนี้ ขวัญข้าว ให้มาโฮม

หลังจากปักครบ 8 ต้น เป็นอันเสร็จพิธีดำนาตาแฮก

นอกจากนั้น หลังจาก ดำนาตาแฮกเสร็จแล้ว เมื่อจะเริ่มดำนาในแปลงอื่น ก็จะต้องทำพิธีแรกดำนาก่อน โดย เตรียมขัน5 และกล้าอีก 14 ต้น เมื่อจะปักดำกล้าแต่ละต้น ก็จะกล่าวคาถาเสกมนต์ดังนี้ก่อน แล้วค่อยปักดำ

ไฮ่นี้ไฮ่ก้ำขวา นานี้นาท้าวทม
ท้าวทมให้กูมาแฮกนา กูจักแฮก
พญาให้กูมาแฮกไฮ่ กูจักแฮก
ปักกกนี้ ให้กูได้ งัวแม่ลาย
ปักกกนี้ ให้กูได้ควายเขาซ้อง
ปักกกนี้ นกจิบโตตาบอด ให้บินหนี
ปักกกนี้ นกจอกโตตาแวน ให้บินหนี
ปักกกนี้ แมงดาโตฮู้ฮ่ำกกข้าว ให้บินหนี
ปักกกนี้ ให้ได้ฆ้องเก้ากำ
ปักกกนี้ ให้ได้คำเก้าหมื่น
ปักกกนี้ ให้อวนเก้าหมื่นมาเญีย
ปักกกนี้ ให้มานใหญ่ท่อมานอ้อย
ปักกกนี้ ให้มานน้อยท่อมานเลา
ปักกกนี้ ให้ได้เป็นเศรษฐีเท่าเฒ่า
โอม สหุม

หลังจากปักครบ 14 ต้น เป็นอันเสร็จพิธีแรกดำนา

อ้างอิงที่มาจาก http://www.isan.clubs.chula.ac.th/th/index.php


0 ความคิดเห็น: